เทเนอรา สายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่นิยมทางการค้า

สายพันธุ์ปาล์ม เทเนอรา

     ในโลกปัจจุบัน…น้ำมันถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ขับเคลื่อนให้โลกใบนี้ก้าวเข้าสู่นวัตกรรมต่างๆ แต่ทว่าน้ำมันที่ได้ในปัจจุบันกำลังถูกใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งน้ำมันเหล่านั้นต้องใช้เวลานานนับพันๆ ปีเพื่อที่จะกลั่นตัวเป็นน้ำมันดิบและถูกสกัดเป็นน้ำมันที่ใช้ในปัจจุบันในที่สุด

แล้วจะเป็นอย่างไรหากน้ำมันที่เป็นตัวขับเคลื่อนโลกใบนี้หมดไป?

     โลกจะเข้าสู่ความมืด วงการธุรกิจต่างๆ ต้องล้มสลาย และมนุษย์จะต้องกลับเข้าสู่ยุคดึกดำบรรพ์…อย่างงั้นหรือ?

     คงไม่มีใครอยากจะให้วันคืนเหล่านั้นมาถึง เพราะแบบนั้นมนุษย์จึงมองหาแหล่งทดแทน ซึ่งพืชหลากหลายชนิดสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันและต่อยอดพัฒนาเพื่อให้สามารถทดแทนน้ำมันดิบที่กำลังร่อยหรอลงได้ “ปาล์มน้ำมัน” เป็นพืชหนึ่งในหลากหลายชนิดที่ถูกนำมาสกัดทำน้ำมัน ทั้งน้ำมันทดแทนดีเซล น้ำมันพืช หรือแม้แต่หนึ่งในส่วนผสมของเครื่องสำอางประทินโฉมต่างๆ ในปัจจุบัน

     ด้วยความสำคัญที่มากประโยชน์นี้ ปาล์มน้ำมันจึงถูกยกให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศนั่นเอง เพราะอย่างงั้นแล้ววันนี้เรามารู้จักพันธุ์ปาล์มที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้กันค่ะ

     …พันธุ์ดูรา… พันธุ์ปาล์มที่นิยมนำมาเป็นแม่พันธุ์ในการพัฒนาสายพันธุ์ที่ดียิ่งกว่า ด้วยเพราะผลผลิตต่อทะลายที่มีมาก แต่กลับให้ปริมาณน้ำมันน้อย เพียงแค่ 18 – 19.5 เปอร์เซ็นต่อทะลายเท่านั้น ลักษณะที่พบเห็นคือผลปาล์มจะมีขนาดกะลาหนาอยู่ที่ 2-8 มิลลิเมตร ไม่มีวงเส้นปะสีดำอยู่รอบกะลา และชั้นเปลือกหนา 30 – 60 เปอร์เซ็นของผล

ต่อมาที่สายพันธุ์ที่นิยมนำมาเป็นพ่อพันธุ์ นั่นคือ …พันธุ์ฟิสิเฟอรา… เป็นสายพันธุ์ที่ให้ปริมาณน้ำมันต่อผลสูงถึง 25 – 30 เปอร์เซ็น แต่! ผลผลิตที่ได้กลับมีน้อย เนื่องจากปาล์มสายพันธุ์นี้มักจะเป็นหมันนั่นเอง ลักษณะของปาล์มสายพันธุ์นี้จะไม่มีกะลา เปลือกชั้นนอกหนา ทะลายเล็กเพราะผลฟ่อจากการเป็นหมันนั่นเอง และลำต้นใหญ่

     และเพราะความพิเศษของสองสายพันธุ์นี้ที่มีแตกต่างกัน จึงได้มีการนำคุณลักษณะที่ดีของทั้งสองสายพันธุ์มาผสมกันจนกลายเป็น …พันธุ์เทเนอรา… ปาล์มน้ำมันพันธุ์ที่ให้ผลผลิตอย่างสม่ำเสมอ และเปอร์เซ็นน้ำมันสูงถึง 22.5 – 25.5 กันเลยทีเดียว แม้ว่าไม่ได้ให้ปริมาณน้ำมันเท่าพันธุ์พ่ออย่างฟิสิเฟอร่า แต่ก็ยังให้น้ำมันที่มากกว่าพันธุ์แม่อย่างดูรา แถมยังนำลักษณะการติดลูกของพันธุ์นี้มาทดแทนและเพิ่มมูลค่าจนกลายเป็นพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่นิยมทางการค้าได้นั่นเอง ซึ่งลักษณะของปาล์มสายพันธุ์ผลปาล์มจะมีกะลาหนาที่ 0.5 – 4 มิลลิเมตร และมีเส้นปะสีดำอยู่รอบกะลา ส่วนเปลือกชั้นนอกหนา 60 – 90 เปอร์เซ็น

     ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากพันธุ์ปาล์มที่ให้ผลผลิตดีแล้ว การเลือกแหล่งที่ได้มาตรฐานในการผสมสายพันธุ์ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราได้พันธุ์ชั้นดีที่มีลักษณะแข็งแรงและให้ผลผลิตได้ตรงตามพันธุ์ของมันด้วย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในเรื่องของพื้นที่ที่เหมาะสม ปริมาณน้ำที่เพียงพอ เนื่องจากการปลูกปาล์มต้องใช้น้ำ 1,800 – 2,000 มิลลิลิตรต่อปี จึงจะทำให้ปาล์มออกผลได้ตรงตามคาดหวังของเรา เช่นนั้นแล้วเกษตรกรที่กำลังจะปลูกปาล์มจึงต้องคำนวณปัจจัยเหล่านี้เพิ่มเข้าไปด้วยเพื่อรายได้ในอนาคตของท่านกันนะคะ