อาการผิดปกติและโรคที่พบในระยะต้นกล้าปาล์มน้ำมัน

อาการผิดปกติและโรคที่พบในระยะต้นกล้าปาล์มน้ำมัน

     โรคพืชนั้นพบได้ทุกช่วงวัยของพืช ต้นปาล์มน้ำมันก็เช่นกัน ซึ่งหากเราตรวจพบความผิดปกติต่างๆ ได้เร็วนั่นย่อมหมายถึงเวลาและต้นทุนที่ต้องเสียให้กับปาล์มที่ไม่สมบูรณ์นั้นน้อยลง เช่นนั้นแล้ว อาการผิดปกติในระยะต้นกล้าของปาล์มน้ำมันมีอะไรบ้าง มารับรู้และนำไปสังเกตอาการของกล้าปาล์มน้ำมันกันดังนี้…

ใบไหม้

     เป็นโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา Curvularia sp. จะมีอาการในช่วงที่ใบเริ่มคลี่ ระยะแรกมองเห็นเป็นจุดเล็กๆ โปร่งใส ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงขอบน้ำเงินเข้มมีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบ ลักษณะเป็นทรงกลมรียาว 7-8 มิลลิเมตร ต้นกล้ามีความเจริญเติบโตช้า หากอาการรุนแรงมากใบจะไหม้และยืนต้นตายในที่สุด เมื่อพบอาการเหล่านี้ควรคัดแยกนำออกมาเผาทำลายแล้วป้องกันกล้าปาล์มน้ำมันที่เหลือด้วยสารกำจัดและป้องกันเชื้อรา

ใบจุด

     เกิดจากเชื้อรา Drechslera sp. เริ่มแสดงอาการที่ใบอ่อน มีจุดสีเหลืองกลมเล็ก ขอบเป็นวงแหวนสีเหลือง อยู่เป็นกลุ่มๆ ขึ้นหนาแน่น มักจะเกิดส่วนปลายก่อน นานไปจุดเหลืองจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เมื่อมีอาการรุนแรงจุดเหล่านั้นจะขยายรวมกันทำให้ใบเหลืองทั้งใบ ส่วนปลายใบเริ่มแห้งเป็นสีน้ำตาล การแพร่ระบาดเกิดจากสปอร์ที่เชื้อราสร้างไว้พัดพาไปได้กับทั้งลมและน้ำ วิธีป้องกันคือต้องคัดแยกต้นกล้าที่เป็นโรคออกมาเผาทำลาย และใช้สารป้องกันและกำจัดเชื้อราในต้นกล้าที่ยังเหลืออยู่

โรคบลาส

     จะพบเป็นมากในช่วงกล้ามีอายุ 6 – 8 เดือน หรือในช่วงที่ขาดน้ำ ซึ่งเกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อรา 2 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ Rhizoctonia lamellifera และ Pythium splendens อาการในระยะแรกใบต้นกล้าจะมีสีเหลืองซีดปลายใบด้าน ต่อมาสีของใบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวมะกอกปลายใบเปลี่ยนเป็นสีม่วงน้ำตาล ลุกลามจนทำให้เนื้อเยื่อของใบตาย จะเริ่มจากใบล่างไล่ไปจนถึงยอด หากอาการรุนแรงกล้าปาล์มน้ำมันจะแห้งตายภายใน 2 – 3 วัน เมื่อถอนรากออกดูจะพบว่าชั้นคอร์เท็กซ์(Cortex)ซึ่งเป็นชั้นที่สะสมน้ำและอาหารของพืชถูกทำลาย สามารถดึงหลุดออกมาง่าย เน่าลุกลามไปจนถึงเนื้อเยื่อชั้นต้น การเกิดโรคเกิดได้จากความอ่อนแอของต้นกล้าในขณะนั้น ร่มเงา การให้น้ำที่ไม่เพียงพอ หรือมาจากแมลงที่เป็นพาหะนำโรค เช่น เพลี้ยจักจั่น เป็นต้น การป้องกัน เลือกสภาพพื้นที่ให้อยู่ใกล้แหล่งน้ำหรือมีการให้น้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ลดอุณหภูมิของดินลง รักษาความชื้น กำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสม

โรครากเน่าของต้นกล้า

จะพบได้มากในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน มีอาการคล้ายกับโรคบลาส แต่รากจะเน่าเป็นสีน้ำตาล ภายในรากกลวง ใบเหลืองซีด ใบยอดแห้ง ซึ่งหากพบอาการแบบนี้แสดงว่ารากแก้วได้ถูกทำลายหมดแล้ว

     นอกจากความผิดปกติที่เกิดได้จากโรคพืชเข้าทำลาย ยังมีความผิดปกติจากการเจริญเติบโตของต้นกล้าเอง มีดังนี้

ใบกึ่งกลางขอด (Collante)

     เกิดจากการที่กล้าปาล์มน้ำมันได้รับน้ำไม่เพียงพอ พบได้มากในช่วงที่ร้อนจัดหรือในฤดูแล้ง จะมีอาการใบยอดติดเป็นหลอดกลม อาจติดกับยอดหรือโคนหรือปลายยอด ทำให้แทงยอดใหม่ไม่ได้ และไม่เจริญเติบโต

Nursery Transplanting Chock

     เกิดจากความไม่ระมัดระวังขณะขนย้าย หรือย้ายกล้าในขณะที่มีอากาศร้อนเกินไป หรือถอนกล้าทิ้งเอาไว้นานจนทำให้รากเกิดอาการช็อกขึ้นได้ และอีกอย่างที่ทำให้เกิดคือการปลูกที่ผิดวิธี อาการที่แสดงออกมา คือ ใบยอดเขียวจัดกว่าปกติและเริ่มเหี่ยวแห้งเป็นสีน้ำตาล ลุกลามจากโคนไปยังยอดใบ จนกระทั่งแห้งดึงหลุดออกจากเมล็ดได้ ส่วนรากเน่าแห้งภายในเป็นสีน้ำตาลกลวง

ใบไหม้จากปุ๋ย

     เกิดจากการมีปุ๋ยตกค้างที่ใบหรือการให้ปุ๋ยที่มากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดอาการซีดที่ใบอ่อนและแห้งลงอย่างรวดเร็ว ใบฉีกขาดง่าย ขอบของแผลเห็นไม่ชัด

พิษจากยาฆ่าหญ้า

     ทำให้เกิดแผลยุบตื้น ใบด้าน ขนาดไม่แน่นอน ขอบแผลเข้มชัดเจน และมีวงสีเหลืองล้อมรอบ

    ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาคืออาการที่จะพบได้ในระยะต้นกล้าปาล์มน้ำมัน เกษตรกรชาวสวนที่เพาะขยายกล้าเองหรือร้านค้าที่กำลังขยายกล้าปาล์มขายควรที่จะสังเกตและรู้จักอาการเหล่า เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความเสียหายที่ยากเกินจะแก้